หากมนุษย์มี ยา ที่สามารถเพิ่มพลังวเศษบางอย่างให้กับตัวเองได้ Project Power

เป็นหนัง Hero อีกเรื่องจากทางค่ายสตรีมมิ่งยัก์ใหญ่ อย่าง Netflix ที่ครั้งนี้ จัดเต็มทั้ง CG และนักแสดงชื่อดังอย่าง “Jamie Foxx” (เจมี ฟ็อกซ์) และ “Joseph Gordon-Levitt” (โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์) โดย Project Power เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ ปี 2020 ที่แค่ตัวอย่างของหนังออกมาก็ทำเอาเหล่า สาวกซูเปอร์ฮีโร่ ต่างพากันให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม

และหนังเรื่องนี้ยังได้นักทำหนังไอเดียสุดจะแขวกแนวอย่าง “Henry Joost” และ “Ariel Schulman” 2 ผู้กำกับเจ้าของไอเดียจัดจ้าน รวมถึงผู้เขียนบทภาพยนตร์ อย่าง “Mattson Tomlin” ผู้เขียนบท The Batman ฉบับล่าสุดนี้มาเขียนบทให้อีกด้วย

โดยหนังProject Power“พลังลับฮีโร่” นี้เป็นหนังที่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนักมากนัก หลังจากที่ได้ดูตัวอย่างหนังไป แต่สิ่งที่ผมสั่งเกตุได้จากหนังเรื่องนี้นั้นคือ CG สุดแสนจะเนียนตา ถือเป็น CG ที่สามารถสู้กับหนังโรงภาพยนตร์ได้เลย

อีกทั้งยังได้นักแสดงนำอย่าง  “Jamie Foxx” (เจมี ฟ็อกซ์) ที่ไม่ค่อยได้เห็นแกออกมารับหนังเลยในช่วงหลังๆนี้ ก็ไม่รู้ว่าทางค่าย Netflix ไปทำอีท่าไหนถึงสามารถทำให้  “เจมี ฟ็อกซ์” นั้นยอมมาเล่นหนังได้ รวมถึงนักแสดงอื่นๆที่มีชื่อเสียงอย่าง “Joseph Gordon-Levitt” (โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์)

โดย Project Powerนั้นจะพูดถึง เมืองแห่งหนึ่งใน นิวออลีน ที่มีการก่ออาชญากรรมที่สูง และระบบของสังคมที่เน่าเฟะ คนใหญ่รังแกคนน้อย โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดเหตุการต่างๆ นั้นคือยาปริศนา ที่หลายคนเรียกกันว่า Powerที่หากกินเข้าไป จะสามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้มีพลังวิเศษที่แตกต่างกันไปได้เป็นเวลา 5 นาที โดยยานี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ผู้คนใช้เพื่อก่ออาชกากรรม เหล่าตำรวจจึงต้องต่อสู้ และหาต้นตอที่มาของยาวิเศษนี้

   สำหรับProject Powerนี้เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ เพียงเรื่องเดียวที่ผมชื่นชอบ ของทาง Netflix จริงๆครับ เพราะหนังเรื่องนี้มีตัวตนของตัวเองค่อนข้างชัดเจน ซึ่งพลังต่างๆในเรื่องนี้ยังคล้ายๆพลังใน X-men เอามากๆ ตรงนี้ผมจึงขอเทใจให้กับ Project Powerจริงๆครับ

วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Project Power

หากคุณไม่อยากพลาดการรีวิวหนัง หนังมาใหม่ สามารถเข้ารับชมได้ที่ รีวิวหนังดีๆดีต่อใจที่คุณไม่ควรพลาด ขอขอบคุณเว็บแทงบอลออนไลน์ที่นำข่าวสารการรีวิวต่างๆให้เราได้รับชม ติดตามเมื่อเวลาในโลกเรานั้น เดินช้าเร็วไม่เท่ากัน “Time Trap” ฝ่ามิติกับดักเวลาพิศวง