รีวิว Time Trap จะทำยังไง? ถ้าคุณออกมาจากถ้ำแล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไปทั้งหมด

สืบเนื่องมาจากเราเพิ่งได้เข้ากลุ่มเกี่ยวกับการแนะนำหนังใน Netflix ไปเมื่อไม่นานมานี้ แล้วมันมีคนมาแนะนำ+มาอวยหนังเรื่อง “Time Trap” กันเยอะมาก แต่อีกหลายเสียงก็บอกว่ามันไม่สนุกเลย อีกทั้งเมื่อดูจบแล้วยังอุทานว่า “อิหยังวะ” อีก ก็เลยถือโอกาสเข้าไปดูสักนิดหนึ่งดีกว่า สำหรับวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูหนังเรื่องนี้ไปพร้อมกับการ รีวิว Time Trap กันเลยดีกว่า ไปเลยยยย

ชื่อเรื่อง : “Time Trap”

แนว : แอคชั่นไซไฟ

นักแสดง : Brianne Howey, Cassidy Erin Gifford, Olivia Draguicevich, Andrew Wilson, Reiley McClendon

บทภาพยนตร์ : Mark Dennis

ผู้กำกับ : Mark Dennis, Ben Foster

วันฉาย : ปี 2017

เวลา : 1 ชั่วโมง 25 นาที

IMDb : 6.4

เรื่องย่อ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่เข้าถ้ำลึกลับ เพื่อออกตามหาศาสตราจารย์นักโบราณคดีคนหนึ่ง หลังจากที่ได้เข้าไปสำรวจถ้ำประหลาดพร้อมกับ “บอส” สุนัขคู่ใจของเขา และยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับออกมา จนทางการแจ้งว่าเขาเป็นบุคคลสูญหายไปแล้ว โดยในระหว่างที่กลุ่มนักศึกษากำลังพยายามตามหาศาสตราจารย์นั้น พวกเขากลับพบว่าระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ในถ้ำเพียงแค่ไม่กี่นาทีนั้น กลับกลายเป็นระยะเวลาเป็นวัน จากภายนอกซะอย่างนั้น พวกเขาจึงต้องติดอยู่ในถ้ำเป็นเวลานานกว่าที่คิด และด้วยความสิ้นหวังว่าจะมีคนมาช่วยเหลือ มันทำให้พวกเขาต้องถลำเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ จนต้องตกอยู่ในอันตรายต่อชีวิตของพวกเขาเอง

รีวิว Time Trap

หลังจากที่ดูแล้ว เหย…แบบว่า มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่ทุกคนคิดนะ คือมันสามารถดูได้เพลินๆ ดูเรื่อยๆ  คือโลเคชั่นหนังส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่แต่ในถ้ำนั่นแหละ เนื้อเรื่องดูอาจจะดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก จริงๆแล้วมันก็ไม่มีอะไรมากจริงๆนั่นแหละ จากถ้ำที่ดูเหมือนไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อาศัยอยู่ได้ กลับกลายเป็นว่ามีมนุษย์ที่เรียกว่ามนุษย์ถ้ำอาศัยอยู่เยอะมาก แล้วยังมีการมาต่อสู้กันอีก

ในส่วนของเนื้อเรื่องที่มีการเล่นถึงเรื่องของมิติเวลา เราว่าบทยังไม่เฉียบขาดสักเท่าไรนะ เหมือนมันยังไม่สุดอ่ะ กับการที่เล่าเรื่องว่า เมื่อไหร่ที่คุณได้ย่างกายเข้าไปในถ้ำแล้วนั้น แม้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีภายในถ้ำ ก็เปรียบเสมือนเป็นปีจากโลกภายนอก ซึ่งจุดนี้เราว่ามันเป็นแนวคิดที่ดีนะ น่าจะสามารถนำไปต่อยอดอื่นๆได้อย่างหลากหลายเลย และในส่วนของนักแสดงก็ยังเรียกได้ว่าไม่สุดเช่นกัน เราว่านะ หนังเรื่องนี้มันดูแล้วยังไม่สุดในหลายๆอย่าง ดูในส่วนของเนื้อเรื่องและนักแสดงเองก็เหมือนยังขาดๆอะไรไป เอาเป็นว่าถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็สามารถดูหนังเรื่องได้แบบสบายๆเลยแหละ

ตัวอย่าง

หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนังดีๆ หรือรับชมหนังต่างชาติอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น รีวิว Bright Burn เด็กพลังอสูร กับเรื่องราวของเด็กที่ใช้พลังไปในทางทำลายล้าง อย่าลืมติดตามกันได้ที่ Fancy-kid.com